วิธีเลือก RAM สำหรับพีซีเพื่อการเล่นเกม

จุดเด่น:

  • RAM คือหน่วยความจำแบบไม่ถาวรที่ทำการเก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อการเข้าถึงในเวลาสั้น

  • RAM สามารถเพิ่มอัตราเฟรมและการกระจายเฟรมในขณะการเล่นเกม

  • ควรตรวจสอบความจุและความเร็วก่อนการเลือกซื้อแรม

  • รู้ความแตกต่างระหว่างฟอร์มแฟคเตอร์ต่างๆ อย่าง DIMM และ SO-DIMM

  • วิธีเพิ่มแรมคอม ควรเลือก RAM ที่ไม่ต่ำกว่า 16GB สำหรับการเล่นเกมสมัยใหม่ หรือมากกว่าถ้าคุณทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

author-image

โดย

RAM (หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม) เป็นองค์ประกอบสำคัญในพีซีสำหรับเล่นเกมทุกเครื่อง การเพิ่ม RAM จะสามารถกระตุ้นการตอบสนองของระบบให้ดีขึ้น และเพิ่มอัตราเฟรมมากกว่าระบบที่มีหน่วยความจำน้อยกว่า

อ่านต่อไปเพื่อเรียนรู้ว่า RAM ทำงานอย่างไร วิธีการหาโมดูลที่เหมาะสมกับการใช้งาน และจำนวนหน่วยความจำที่คุณต้องใช้ในการเล่นเกม

RAM ทำงานอย่างไร และแรมคอมอยู่ตรงไหน

จุดประสงค์ของ RAM คือการเก็บข้อมูลระยะสั้นที่ PC ต้องใช้ในการทำงานปกติของระบบ แต่มีความแตกต่างจากฮาร์ดไดรฟ์หรือ SSD (ไดรฟ์ solid-state) ซึ่งใช้เก็บข้อมูลถาวร แต่ RAM จะรีเซ็ตทุกครั้งที่มีการเริ่มต้นระบบใหม่

RAM คือ "หน่วยความจำแบบชั่วคราว" หมายถึงจะเก็บข้อมูลเมื่อมีการจ่ายไฟเข้าระบบเท่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับ "หน่วยความจำแบบถาวร" เช่น HDD หรือ SSD โปรแกรมจะโหลดเข้า RAM ชั่วคราวในขณะการใช้งาน แต่จะอยู่ในไดร์ฟจัดเก็บข้อมูลถาวร (จนกว่าจะถูกลบออก)

คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลชั่วคราวอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดใช้งานโปรแกรมและดำเนินงานต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นเกม PC สมัยใหม่ ที่ต้องใช้การประมวลผลภาพกราฟิกต่างๆ อย่างรวดเร็ว เกมจะอ่านและเขียนข้อมูลไปยัง RAM เนื่องจากมีอันดับของขนาดข้อมูลที่เร็วกว่าการเข้าถึงข้อมูลบนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

แรมคอมอยู่ตรงไหน

แรม socket จะอยู่ถัดจาก Socket CPU โดยแรมแต่ละรุ่น ตั้งแต่ DDR1 - DDR4 RAM จะมีร่องบากที่เป็นแบบเฉพาะที่แตกต่างกันจึงไม่สามารถใช้แทนกันได้

RAM ประเภทใดที่ทำงานกับเมนบอร์ดของคุณได้

SO-DIMM RAM (บน) ส่วนใหญ่ใช้สำหรับแล็ปท็อป หรือเมนบอร์ดที่มีขนาดเล็กมาก DIIM RAM (ล่าง) ใช้กับเมนบอร์ดเดสก์ท็อปมาตรฐาน

ก่อนที่จะนึกถึงความจุและความถี่ของ RAM นั้น คุณควรทราบว่า RAM ประเภทใดที่สามารถทำงานได้กับเมนบอร์ดและโปรเซสเซอร์ของคุณ หน่วยความจำที่ไม่ถูกประเภทจะไม่สามารถทำงานได้ ในขณะที่ RAM ที่มีคุณลักษณะเฉพาะไม่ตรงกับระบบของคุณจะทำงานได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

ชนิดของโมดูล

RAM จะมาเป็นเท่ง หรือ เป็นโมดูลหน่วยความจำที่ต้องใส่ในช่องบนเมนบอร์ด RAM ที่ไม่สามารถทำงานกับระบบของคุณได้จะติดตั้งไม่ได้ หรืออาจทำงานไม่ถูกต้อง

เมนบอร์ดในคอมพิวเตอร์สมัยใหม่จะรองรับ DDR4 RAM ไม่ควรสับสน DDR4 กับ DDR3 ซึ่งเป็น SDRAM รุ่นก่อนหน้า และไม่สามารถใช้แทนกันได้ คุณไม่สามารถเปลี่ยน DDR3 8GB เป็น DDR4 16 GB ได้

DDR4 และ SDRAM

คอมพิวเตอร์จะใช้ RAM ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า SDRAM (หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่มที่เปลี่ยนแปลงได้แบบซิงโครนัส) DRAM แบบ "ซิงโครนัส" จะถูกทำให้สอดคล้องกับความถี่ของโปรเซสเซอร์ SDRAM นั้นมีการพัฒนาตลอดเวลา ทำให้มีข้อดีอย่าง การกินไฟน้อยที่น้อยลง อัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วขึ้น และความเสถียรในการรับส่งข้อมูล

DDR4 SDRAM เป็นมาตรฐานในปัจจุบันของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ DDR4 ย่อมาจาก "Double Data Rate 4" และเป็นเทคโนโลยี DDR รุ่นที่ 4 ซึ่งมาแทนที่ SDR (Single Data Rate) SDRAM DDR4 มาพร้อมกับอัตราการส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น ความจุที่มากขึ้น และการใช้แรงดันไฟที่ต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้า

หากคุณได้มีโอกาสประกอบ PC ใหม่หรือทำการอัปเกรด RAM สำหรับระบบที่ค่อนข้างใหม่แล้ว คุณอาจเห็น DDR4 SDRAM มาตรฐานปัจจุบันผ่านตามาบ้าง

ทำไมรุ่นที่เก่ากว่า DDR4 ถึงทำงานร่วมกันไม่ได้ เนื่องจากมีการกำหนดเวลา (โปรดดูด้านล่าง), แรงดันไฟฟ้า และจำนวนพินที่แตกต่างกัน และปัจจัยอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดตั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ จะมีร่องล็อกเฉพาะอยู่ถัดจากพินบนโมดูล DDR4 ที่ต่างจากโมดุล DDR3 ทำให้ไม่สามารถใส่เข้ากับช่องของ DDR3 ได้

ยังมีวิธีที่ง่ายอื่นๆ ในการหาข้อมูลว่าหน่วยความจำใดที่ทำงานร่วมกันได้ ดูเอกสารกำกับระบบหรือโปรเซสเซอร์ของคุณ รันโปรแกรมสร้างโปรไฟล์ของระบบ หรือใช้เครื่องมือตรวจสอบความเข้ากันได้ของหน่วยความจำแบบออนไลน์

ปัจจัยด้านรูปร่าง

แท่ง DIMM (โมดูลหน่วยความจำแถวคู่) คือโมดูล RAM ที่ใหญ่กว่า ออกแบบเพื่อการใช้งานบนเมนบอร์ดเดสก์ท็อป

SO-DIMM (โมดูลหน่วยความจำแถวคู่ขอบเล็ก) คือโมดูลขนาดเล็กที่ผลิตขึ้นสำหรับแล็ปท็อป มินิพีซี Intel® NUC และสำหรับเมนบอร์ดของฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็ก Mini-ITX (SFF)

ค่าจำเพาะ RAM ที่สำคัญ

  • ความจุ: มีเป็นหน่วยกิกะไบต์ (GB) ยิ่งมีความจุมากขึ้น แอปพลิเคชันก็สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น สำหรับรุ่นที่ความจุระดับสูง สามารถใช้งานแอปพลิเคชันหลายแบบได้พร้อมกัน และสำหรับเกมจะสามารถเก็บข้อมูลชั่วคราวได้มากขึ้น
  • ความเร็ว: วัดเป็นหน่วย megatransfer ต่อวินาที (MT/s) ซึ่งมักเทียบเป็นเมกะเฮิรตซ์ แต่เป็นหน่วยวัดที่แตกต่างจากความเร็วของนาฬิกา อัตราความเร็วที่สูงกว่าหมายถึงการตอบสนองที่เร็วกกว่าในการอ่านและเขียนคำขอ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพนั้นดียิ่งขึ้น

Ram ddr3 กับ ddr4 ต่างกันอย่างไร

  • การสร้างความเร็ว การสร้างความเร็วระหว่าง RAM DDR3 กับ DDR4 RAM มีความแตกต่างกัน โดย DDR3 จะมีการสร้างความเร็วอยู่ระหว่าง 800 ถึง 2133 MT ต่อวินาที ส่วนการสร้างความเร็วของ DDR4 คือ ระหว่าง 2133 ถึง 4266 MT ต่อวินาที (ล้านโอนต่อวินาที)
  • อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน DDR4 RAM จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า DDR3 โดย DDR4 จะใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 40% ซึ่งส่งผลช่วยให้แบตเตอรี่ของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่ง DDR3 จะใช้แรงดันไฟฟ้าที่ 1.5 V ส่วน DDR4 คือ 1.2 V เท่านั้น
  • การออกแบบ DDR4 RAM ถูกออกแบบให้มีร่องบากที่แตกต่างจาก DDR3 เล็กน้อย โดย DDR3 จะมีแถวภายในและ BG รวมที่ 8 แถว ส่วน DDR4 RAM จะมีแถวทั้งหมด 20 แถว ทำให้เรียกค้นข้อมูลแบบเบิร์สได้รวดเร็วกว่า ส่วนความหนาก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดย DDR4 จะหนากว่า เพื่อให้สามารถรองรับสัญญาณได้มากขึ้น และ DDR4 RAM จะมีขอบโค้งเพื่อช่วยลดภาระการเสียบกดที่ PCB ระหว่างการติดตั้งและมีความแข็งแรงมากกว่าแรมรุ่นเดิม
  • ความจุของชิป DDR4 จะสามารถรองรับความหนาแน่นที่สูงขึ้นและเทคโนโลยีการวางซ้อนชิปได้มากกว่า โดยความจุของ DDR3 จะอยู่ที่ 512Mb-8Gb ในขณะที่ความจุของ DDR4 RAM จะอยู่ที่ 4Gb-16Gb เนื่องจาก DDR4 คือ แรมรุ่นใหม่กว่า DDR3 ที่ถูกพัฒนาขึ้นทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น รองรับข้อมูลได้มากขึ้น อีกทั้งยังอ่านค่าเฉพาะอื่นๆได้เพิ่มเติม ทำให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นและมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นด้วย แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาแรมมาถึงรุ่น DDR5 แล้ว และคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาใช้แรม DDR5 กันหมดแล้ว

ฉันต้องใช้ RAM เท่าไหร่ในการเล่นเกม

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย คุณต้องการเน้นการเล่นเกมที่ใช้สมาธิ หรือคุณสตรีมและทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

สำหรับการเล่นเกม 8GB ถือเป็นมาตรฐานสำหรับการเล่นเกมระดับ AAA อย่างไรก็ตาม ความต้องการ RAM นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น Red Dead Redemption 2 แนะนำให้ใช้ RAM 12GB สำหรับประสิทธิภาพสุงสุด ในขณะที่ Half-Life: Alyx ต้องการอย่างน้อย 12GB ดังนั้นหากคุณต้องการเผื่อไว้ให้เพียงพอสำหรับการเล่นเกมรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต ขอแนะนำ RAM ที่ 16 GB

หากคุณต้องการใช้งานมากกว่าการเล่นเกม ให้พิจารณาที่ 32GB ที่จะให้อิสระในการสตรีมสด แชทกลุ่มบน Discord พร้อมกับการเปิด YouTube หรือ Twitch ไว้ในพื้นหลัง

หากคุณมีงบประมาณและต้องการ RAM ที่มากขึ้น (สำหรับการสร้างโมเดล 3D หรือแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพอื่นๆ) Windows 10 Home และโปรเซสเซอร์ Intel® i9 Core™ ล่าสุดก็รองรับได้สูงสุดถึง 128 GB ตรวจสอบ "ขนาดความจำสูงสุด" ภายใต้หัวข้อค่าจำเพาะความจำโปรเซสเซอร์

ฉันต้องใช้ RAM ที่ความเร็วเท่าไหร่

มองหาความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความจุและความเร็ว RAM ที่มีความจุ 32 GB แต่ช้าจะจัดว่าเป็น RAM ที่ไม่ดี และเช่นกันกับ RAM ที่ความเร็วสูงแต่ความจุเพียง 4GB

ความเร็วของ DDR4 RAM เริ่มต้นที่ประมาณ 1600MHz แต่ที่ความเร็วนี้ถือว่าช้าสำหรับมาตรฐานปัจจุบัน

สำหรับการเล่นเกม การใช้ RAM ที่ความเร็วสูงเป็นข้อได้เปรียบ แม้ว่าจะไม่มีผลมากเท่ากับการอัปเกรดโปรเซสเซอร์หรือการ์ดกราฟิก แต่ RAM ที่เร็วกว่าสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของเกมและอัตราเฟรมได้

ประสิทธิภาพต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นและปรากฏในแต่ละเกม บ้างก็พบความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บางคนอาจไม่ค่อยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง อาจลองตรวจสอบเกณฑ์มาตรฐานสำหรับเฟรมเฉลี่ยต่อวินาที เพื่อดูว่าการอัปเกรดนั้นคุ้มค่าหรือไม่

นอกจากนี้ ในการปรับปรุงอัตราเฟรม RAM ที่เร็วกว่าสามารถปรับปรุงเวลาเฟรม หรือความคงที่ของอัตราเฟรมได้ โดยจะแสดงค่าเป็น 1% และ 0.1% ในเกณฑ์มาตรฐาน (1% และ 0.1% ของค่าเฟรมบันทึกที่ช้าที่สุดโดยเฉลี่ย)

นอกจากอัตราเฟรมแล้ว RAM ที่เร็วกว่ายังปรับปรุงประสิทธิภาพด้านอื่นของระบบอีกด้วย เช่น เวลาบูทที่สั้นลง

ข้อควรพิจารณาอื่นๆ

การติดตั้ง

โดยทั่วไป RAM จะซื้อเป็นชุดคู่ หรือ 4 โมดูล (เช่น "2 x16GB" หรือ "4x8GB”) ก่อนจะซื้อชุด RAM ให้ตรวจดูช่องเสียบหน่วยความจำบนเมนบอร์ดของคุณว่ามีจำนวนเท่าไร

เดสก์ท็อปทั่วไปจะมีช่องเสียบ 4 ช่อง ในขณะที่แล็ปท็อปส่วนใหญ่จะมี 2 ช่อง พีซีและสถานีงานขั้นสูงอาจมีแปดช่องหรือมากกว่านั้น ในขณะที่จำนวนช่องของการประกอบเองอย่าง NUC และ SFF นั้นแตกต่างกันไป

ถ้าคุณกำลังวางแผนที่จะอัปเกรด RAM ในแล็ปท็อป ดูให้แน่ใจก่อนว่าสามารถเข้าถึง RAM ได้และไม่ได้เชื่อมติดกับเมนบอร์ด RAM ในบางแล็ปท็อปนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาให้เปลี่ยนได้

หากคุณกำลังวางแผนที่จะอัปเกรดเดสก์ท็อป ให้เว้นช่องหน่วยความจำให้ว่างไว้ เผื่อการเพิ่มในอนาคต เช่น เลือกที่จะติดตั้งชุด 2x16GB แทน ชุด 4x8GB บนเดสก์ท็อป จะทำให้คุณมีช่องเสียบเพิ่มอีก 2 ช่อง เผื่อสำหรับการอัปเกรดในอนาคต

หากต้องการได้แบนด์วิดธ์ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ RAM แชนแนลคู่ จะต้องติดตั้งโมดูล RAM อย่างน้อย 1 คู่ในช่องเสียบให้สมมาตรกัน (ส่วนใหญ่จะมีสีกำกับ) โมดูลจะต้องมีความจุที่เท่ากัน และมีความเร็วสมดุลกัน โดยหากความเร็วไม่เท่ากันแล้ว โมดูลที่มีความเร็วช้ากว่าจะไม่ทำงาน

RAM แชนเนลคู่คืออะไร

มีคอมพิวเตอร์สมัยใหม่มากมายที่มาพร้อมหน่วยความจำแชนเนลคู่ โหมดช่องคู่ (หรือการแทรกสลับ) ช่วยให้ตัวควบคุมหน่วยความจำของ CPU สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ RAM ผ่านทั้งสองช่อง สามารถอ่านและเขียนไปยังหน่วยความจำทั้งสองแท่งพร้อมกันได้ ซึ่งทำให้เพิ่มแบดวิดธ์ที่มีอยู่

โหมดช่องคู่จะทำงานโดยอัตโนมัติในเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่มีช่อง DIMM เพียง 2 ช่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้หน่วยความจำสองแท่งบนเมนบอร์ดที่มีช่องเสียบ 4 ช่อง หากต้องการใช้ช่องสัญญาณเดียวกัน จะต้องติดตั้งหน่วยความจำในตำแหน่งที่มีความสมมาตรกัน ช่องเสียบมักมีสีกำกับ แต่อาจเรียงกัน หรืออยู่ข้างกัน ให้ตรวจดูเอกสารคู่มือเมนบอร์ดของคุณเพื่อดูคำแนะนำจำเพาะ

เพื่อประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ให้ตรวจสอบว่าแท่งหน่วยความจำทุกแห่งมีความเร็ว ความจุ และเวลาในการตอบสนองที่เท่ากัน หลีกเลี่ยงการใช้โมดูลที่มีคุณลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน

เวลาในการตอบสนองของหน่วยความจำ

ความเร็วของ RAM ไม่ใช่วิธีเดียวในการตัดสินประสิทธิภาพ

เวลาในการตอบสนองของ RAM คือหน่วยวัดความหน่วง หรือความล่าช้าก่อนที่ RAM จะดำเนินตามคำสั่งที่ได้รับ เวลาในการตอบสนองของหน่วยความจำจะมีชุดตัวเลขเช่น 16-18-18-36 โดยอาจพบได้บนสติ๊กเกอร์จากโรงงานผลิตโมดูล

แต่ละหมายเลขจะสอดคล้องกับการทดสอบเฉพาะ เช่นหมายเลขแรกคือ CAS (Column Address Strobe) Latency คือจำนวนรอบสัญญาณนาฬิกาที่โมดูลหน่วยความจำจะส่งกลับข้อมูลหลังจากมีคำขอจากตัวควบคุมหน่วยความจำ

การเปรียบเทียบโมดูล RAM โดยวัดจากเวลาในการตอบสนองนั้นค่อนข้างซับซ้อน เช่น CAS Latency จะบอกเพียงจำนวนของรอบ แต่ระยะเวลาของแต่ละรอบนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการเปรียบเทียบการตอบสนองเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หน่วยความจำ DDR3 ส่วนใหญ่จะมี CAS Latency ที่ต่ำกว่า DDR4 RAM แต่ทำงานได้แย่กว่าเนื่องจากมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ช้ากว่า

ส่วนใหญ่เวลาในการตอบสนองของหน่วยความจำไม่ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูงในแง่ของการเล่นเกมบน PC เวลาในการตอบสนองเป็นที่สนใจของนักโอเวอร์คล็อก ที่สามารถลดเวลาในการตอบสนองแบบแมนนวลใน BIOS และทดสอบความเสถียร หากประสบความสำเร็จ คุณจะได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าจาก RAM ของคุณที่มีอยู่แล้ว

สำหรับผู้ใช้พีซีสำหรับเล่นเกมส่วนใหญ๋ ความจุและความเร็วของ RAM เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุด

การโอเวอร์คล็อก1 RAM

ถ้าคุณซื้อ RAM ที่มีประสิทธิภาพสูง การโอเวอร์คล็อกสามารถให้ประสิทธิภาพกับคุณเหนือค่าจำเพาะที่ระบุ วิธีที่ง่ายที่สุดคือดำเนินการผ่าน Intel® Extreme Memory Profile (Intel® XMP)

เมื่อเลือก Intel® XMP profile ใน BIOS ของเมนบอร์ดที่รองรับ ระบบจะปรับแรงดันไฟฟ้า เวลาในการตอบสนอง และความถี่เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพ การตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเหล่านี้ได้รับการทดสอบและรับรองความเสถียรแล้ว

นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งโปรไฟล์หน่วยความจำบนเมนบอร์ดบางรุ่น รวมทั้งปรับแต่งการตั้งค่าด้วยตนเองจาก BIOS ได้อีกด้วย

สำหรับการเริ่มต้นใช้งาน โปรดดูที่ คำแนะนำเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีโอเวอร์คล็อก RAM

สุนทรียภาพและการระบายความร้อน

ฮีทซิงค์ของหน่วยความจำอาจทำให้อุปกรณ์ของคุณดูสวยงามขึ้น แต่มีประโยชน์เพื่อเสริมรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

RAM จะสร้างความร้อนเหมือนกับอุปกรณ์อื่น ๆ แต่จะไม่ร้อนมากจนเกินไป นอกจากจะทำงานในความเร็วที่สูงมากผิดปกติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ฮีทซิงค์หากไม่มีการโอเวอร์คล็อก RAM อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับอุปกรณ์อื่นๆ หน่วยความจำของคุณควรอยู่ในตำแหน่งที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี

โมดูลหน่วยความจำที่มีไฟ RGB สามารถเพิ่มลักษณะเฉพาะตัวและช่วยให้รูปลักษณ์ระบบของคุณดูดีขึ้นได้ เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าแท่งหน่วยความจำ RGB ของคุณเข้ากันได้กับแบรนด์เมนบอร์ดจำเพาะของคุณ

RAM ประเภทใดที่เหมาะสมสำหรับการเล่นเกม PC

การเลือกซื้อแรม

สิ่งแรกที่ควรพิจารณาก่อนการเลือกซื้อแรมคือวัตถุประสงค์ในการใช้งานของเรา เช่น หากเราต้องการทำแค่เอกสารและเปิดเว็บไซต์เท่านั้น แรมขนาด 8 GB ก็เพียงพอแล้วสำหรับงานเหล่านี้ แต่หากต้องการลงโปรแกรมบางอย่างเพิ่มเติมก็อาจพิจารณาการเลือกซื้อแรมขนาด 16 GB หรือมากกว่านั้นได้

หน่วยความจำมีความสำคัญมากต่อการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เพราะเหล่าเกมเมอร์ต่างต้องการบรรยากาศการเล่นเกมที่สมจริงและไม่อยากให้เกิดการสะดุดหรือภาพค้างในระหว่างการเล่นเกม ดังนั้นการเลือกซื้อแรมเพื่อเพิ่มหน่วยความจำจึงถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม เพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงและลดเวลาการโหลดให้น้อยลงและรองรับเฟรมเรทที่สูงขึ้นให้สามารถตอบสนองต่อการทำงานของเกมได้ดีขึ้น

ท้ายที่สุด ขนาดของ RAM ที่คุณต้องการเพื่อการเล่นเกมนั้นขึ้นอยู่กับงบประมาณและเคสที่คุณใช้ ก่อนทำการเลือกซื้อแรม ดูให้แน่ใจว่าคุณลักษณะเฉพาะของ RAM ของคุณนั้นเป็นไปตามความต้องการเฉพาะของคุณ

เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรักษาสมดุลระหว่าง RAM และส่วนประกอบอื่นในระบบของคุณ เพราะทุกอย่างมีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการหาสมดุลของส่วนประกอบในระบบของคุณ โปรดดูคำแนะนำของเราในการหาสมดุลของพีซี